ประสบการณ์ การเดินทางไป India ครั้งแรกในชีวิต
บทนำ
ผมได้มี โอกาสไปร่วมงาน conference จัดที่ Delhi, India โดยมีด้วยกัน 2 งาน คือ MongoDB .local Delhi และ งาน MongoDB User Group Leader Summit หรือเรียกสั้นๆว่า MUG Leader Summit โดยจัดขึ้นระหว่าง 11–13 กันยายน 2567
ซึ่งทางผม และน้องคนไทยอีก 2 คนคือ น้อง ช. และน้อง จ. (ขอใช้อักษณย่อ เพื่อไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล) ได้ถูกเชิญไปงานครั้งนี้ด้วยกัน โดยที่ทางทีม MongoDB Community ได้ออกค่า ที่พัก และ ตั๋วเครื่องบิน ให้พวกเราเดินทางไปครับผม ซึ่งทำให้ผมตัดสินใจได้เร็วมากว่า เต็มใจเดินทางไปเลยครับผม 55555
การเตรียมตัว
ทำวีซ่า
ก่อนเดินทางสิ่งที่ต้องทำคือต้องขอ e-visa จาก เว็บไซด์ https://indianvisaonline.gov.in/evisa/tvoa.html ของอินเดีย ตาม ด้านล่างนี้ครับผม ซึ่งผมขอเป็น Business เนื่องจากว่า ผมเป็นพนักงานของ MongoDB ทางทีมผู้จัด เลยบอกว่าให้ทำแบบเป็นทางการ ซึ่งพอทำแล้วเราจะได้แบบ Multiple entry มีอายุ 1 ปี โดยที่แต่ละครั้งที่เข้าประเทศ จะอยู่ได้ไม่เกิน 180 วันครับผม
ยาสามัญประจำบ้าน
เป็นสิ่งที่ตามข้อมูลที่ได้รับมาว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินครับผม เพราะว่าเท่าที่ทราบการไป รพ. หรือหาซื้อยาบางตัวที่อินเดียนั้น เป็นเรื่องยากพอสมควรครับผม
ตั๋วเครื่องบิน
ตัวผมเอง ได้เลือกเดินทางกับสายการบิน Air India ตัวย่อว่า AI ขนาดชื่อย่อสายการบิน ยังเข้ากับยุคสมัยนี้เลย ฮาๆๆๆ ซึ่งผมเดินทางจาก สิงคโปร์ ไป โดยใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงกว่าๆครับผม และ เวลาที่ อินเดีย จะต่างจาก เวลาที่ สิงคโปร์ 2.30 ชม. และ ต่างจากไทย 1.30 ชม. ครับผม
ส่วนน้องทั้ง 2 คนเดินทางจากไทยไปครับผม โดยที่น้องทั้งสองคนเดินทางไปก่อนล่วงหน้า 1 วันเพื่อไปสำรวจเมืองครับผม
เหตุการณ์ในอินเดีย
วันที่ 11
เดินทางออกจาก สิงคโปร์ ช่วงเช้าไปถึง ตอนเย็น ที่อินเดีย ผมใช้ค่ายมือถือที่สิงคโปร์ที่ชื่อ M1 แล้วได้มีการเปิด data roaming เพื่อเตรียมการไว้เรียบร้อย ขณะอยู่บนเครื่องก่อนจะ landing ที่อินเดีย จะต้องมีการกรอกใบเข้าเมืองอีกรอบ
จากนั้น พอลงจากเครื่อง ก็ได้ทำการเปิดมือถือ เพื่อจะได้ใช้ data roaming แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันมักจะเกิดขึ้นได้เสมอ สัญญาณโทรศัพท์เป็น EDGE โอ้ ไม่สามารถใช้งานได้เลย ผมจึงรีบไปรอต่อแถวเข้าเมือง โดยมีการสแกนลายนิ้วมือตามปกติ จากนั้นผมรีบมารอรับกระเป๋า แต่ก็ไม่มีสัญญาณไวไฟ ที่ผมสามารถใช้งานได้แบบฟรี โดยที่ไม่ต้องกรอกข้อมูลอะไรเป็นพิเศษ
โชคดีว่า ผมเห็นร้าน KFC หวังว่าจะเข้าไปใช้ Free WIFI แต่ที่จริงแล้วไม่มีให้ใช้ ทันใดนั้น!!! ผมได้เจอกับ น้องช. และ น้อง จ. โดยบังเอิญ มานั่งรอผมกันที่ร้าน KFC นั่นเอง เย้ๆ ผมรอดแล้ว จากนั้นเราก็ไปเช็คอินที่ รร. ตามปกติ โดยที่ น้อง จ. ใช้ Uber ในการเรียก Taxi นั่นเอง
ผมได้เข้าไปเช็คอินที่ รร. ที่มีชื่อว่า Lemon Tree ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน โดยทุกครั้งก่อนที่จะเข้า รร. จะมีช่อง ที่เราต้องเข้าไปสแกนร่างกาย และแยกนำกระเป๋าไปเข้าเครื่องตรวจ พอถึงตอนเย็น พวกเราสามคน ก็ไปทานอาหารเย็น กับ ทาง MUG leaders คนอื่นๆที่มาร่วมงานกันจากหลายประเทศได้แก่ เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปินส์ ทานอาหารเสร็จ แยกย้าย กลับเข้าห้องนอน หมดไปหนึ่งวัน
วันที่ 12
วันนี้เป็นวันงาน MongoDB .local Delhi ซึ่งในงานจะมีหัวข้อแบ่งเป็น 2 track หลักๆคือ Industry และ Hand-on Lab ส่วนพวกผมส่วนใหญ่ก็จะอยู่ที่บูธ MongoDB User Group (MUG) เพื่อคอยตอบคำถามต่างๆ และเชิญให้ผู้ร่วมงานเข้ามาจอย MUG forums จากนั้นพวกเรามีโอกาสไปพบกับ Chief Marketting Officer (CMO) ที่มาเป็นคนเปิดงานนี้
ต่อจากนั้นทางบูธของเรา ก็จะมีการแจกหนังกสือ และ ลายเซ็นจาก หนึ่งใน ผู้แต่งหนังสือ Building AI Intensive Python Applications: Create intelligent apps with LLMs and vector databases จากสำนักพิมพ์ของบริษัทเอง https://www.mongodb.com/developer/books ซึ่งพวกเราทั้งหมดประมาณ 10 คน มีภาระกิจป้องกันคนแทรกเนียนมาเอาหนังสือฟรี เนื่องจากเรามีเกม kahoot ให้เล่น และในแต่ละข้อก็จะมีผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด 5 คน จะได้รับสิทธิ์หนังสือฟรี พร้อมลายเซ็น ผมพบว่าคนที่นี้ ให้ความสนใจในสิ่งนี้มาก และพยายามทำตัวเนียนๆแอบเข้ามา แต่พวกผม ก็ใช้วิธีล้อมวงจับมือกัน เพื่อป้องกันคนที่้ไม่ได้ชนะเกมเข้ามาเป็นอะไรที่ suprise มากๆ คล้าย guard ดาราน้ักร้องเลย ฮาๆๆ
หลังจากจบงานพวกเราก็กลับไปพักผ่อน และมาสังสรรค์รวมกลุ่มกันตอนเย็นตามปกติ และกลับเข้านอน zZZ
วันที่ 13
วันนี้เป็นวัน MUG Leaders Summit ซึ่งจะมีกิจกรรม 2 ส่วนคือ
Train on The Trainer
คือ workshop สอนให้พวกเรานั้นฝึกทำ 2 workshops เพื่อให้เรานำสิ่งเหล่านี้ ไปถ่ายทอดให้กับสมาชิกในชุมชนต่อไป โดยมีหัวข้อคือ
- https://mongodb-developer.github.io/ai-rag-lab/
- https://mongodb-developer.github.io/relational-migrator-lab/
ผมรู้สึกได้เลยว่า ทางทีมงานได้ทำ workshop ออกมาดีและเข้าใจง่ายๆมาก เหมาะสำหรับให้ทุกคนทำตาม อย่างง่ายๆ และพวกเราจะนำสิ่งเหล่านี้มาสอนทุกคนต่อไป
Feedback and Share
คือ ให้พวกเราแบ่งเป็น 5 กลุ่มและมีหัวข้อให้แต่ละกลุ่ม disucssion กันในหัวข้อต่างๆ และทำสไลด์นำเสนอทางทีมจัดงานนี้ เพื่อจะได้นำไปพัฒนา เนื้อหาดีๆ ให้แก่ชุมชนคนรัก มองโก มองโก มองโก ต่อไป
เดินทางไปสนามบิน
เมื่อจบทั้ง 2 sessions นี้ก็มีการถ่ายรูปหมู่ไว้เป็นที่ระลึกกัน เป็นอันจบพิธี บางกลุ่มยังคงเที่ยวต่ออีก 2–3 วัน ส่วนพวกผมนั้น พกกระเป๋าลากพร้อมเดินทางกลับไปสนามบิน เพื่อกลับบ้านของตัวเองในแต่ละประเทศ
เมื่อ น้อง จ. ลงมาจากตึกเพื่อทำการจอง Uber ระหว่างนั้น ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้รถที่จะมารับพวกเราใช้เวลานานถึง 20–30 นาที โดยที่พวกเราทราบดีว่าที่เมืองนี้มี รถติดมากๆ ถึงมากที่สุด
ซึ่งในขณะเดียวกัน น้อง จ. ให้ผมลองจองรถผ่าน Uber ด้วยเช่นเดียวกัน ผมจึงได้ลองปรากฏว่าไม่มี รถ คันไหนมารับงานเลย ผมจึงได้ลองใหม่อีกครั้ง โดยในครั้งนี้ผมได้เปลี่ยนจากการชำระด้วยบัตรเครดิต เป็นเงินสด ……. เยส สำเร็จ! มี รถ 1 คันมารรับงานของผม โดยใช้เวลาเพียงไม่เกิน 10 นาที ……. แต่ไม่มีอะไรด้วยความง่ายดาย เมื่อ รถ จะมาถึง ได้โทรศัพท์เข้ามาที่ Uber app ของผม แล้วพูดด้วยภาษาท้องถิ่น ผมจึงขอให้ หัวหน้าคณะจัดงาน ซึ่งเป็นชาวอินเดียวเหมือนกัน คุยให้ผมที ทาง คนขับ Uber บอกว่า ของเงินเพิ่มอีกจากที่ระบบเก็บ เป็นจำนวนเงินถึง 800 IDR …. โอ้มาการเรียกเก็บพิเศษ เหมือนเป็นการบอกว่า ถ้าผมไม่จ่าย รถก็จะไม่มารับ ทั้งๆที่ตอนนี้รถคันดังกล่าวกำลังจะมาถึงภายใน 5 นาที และข้างนอกอาคารที่ผมรอรถคันนี้ มีคนจำนวนมากที่ยังกด Uber ไม่ได้ …. ผมจึงไม่รอช้า บอกหัวหน้าคณะ ว่าตกลงเลยครับผม … จากนั้นพวกเราก็ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. กว่า มาถึงสนามบิน เนื่องมาจากหลักธรรมชาตื เมื่อฝนตก …. รถก็จะติดนั่นเอง
ระหว่างนั่งอยู่ในรถ
คนขับรถได้มีการสื่อสารกับเราด้วยภาษาท้องถิ่น สลับกับ ภาษาอังกฤษ ซึ่งพวกเราได้มีการตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษไปในทุกครั้งว่า OK ตลอดการสนทนา คนขับรถเป็นคนอัธยาศัยดีมาก ขณะขับสิ่งที่ผมจับใจความได้คือคำว่า no comprise คือ “ฉันจะขับรถ โดยไม่ยอมให้ใครแทรก ไม่ว่าพวกเขาจะมาแทรกของทาง เข้าเลนเดียวกับผมก็ตาม” การขับรถที่นี่เป็นแบบ พุ่ง-แทรก-เบรค เหมือนกับว่าพร้อมชนกับคันอื่นได้ทุกเมื่อ ทำให้ผมมีอาการเมาหัวพร้อมจะอาเจียนเช่นกัน โชคดี น้อง จ. ให้ยาดมหงษ์ไทย(ถ้าจำไม่ผิด)มาประคองชีวิต ให้ผมอดทนได้จนถึงสนามบินนั้นเอง
จากนั้นเมื่อถึงสนามบินพวกเราก็เข้าไปผ่านระบบ ตม. ตามปกติ น้อง จ.แและ น้อง ช. กลับประเทศไทย ส่วนผมกลับสิงคโปร์
Key Takeaway
- คนที่นี้ให้ความสำคัญกับ Tech Community เป็นอย่างมาก เห็นได้จากจำนวนคนที่มาเข้าร่วมงาน
- ไม่เหมาะกับการพาเด็กเล็ก และคนแก่มาพร้อมกัน เพราะว่าอาจจะดูแลไม่ทั่วถึง